เลื่อนขึ้น
ทัวร์ถูก ทัวร์เกาหลี ทัวร์ญี่ปุ่น ทัวร์ต่างประเทศ ทัวร์ดี ทัวร์ราคาประหยัด ทัวร์ทั่วโลก ทัวร์ราคาถูก ทัวร์ราคาประหยัด ทัวร์บริการดี ทัวร์บริการประทับใจ ทัวร์ดีมีคุณภาพ
  
 
ประเทศ:
ทัวร์อินเดีย ทัวร์อินเดีย
เข้าชม:
98
รหัสทัวร์:
BI-IN02
สายการบิน:
Thai Airways
ทัวร์อินเดีย

ทัวร์อินเดีย มหัศจรรย์...อินเดีย ไหว้พระพิฆเนศ 8 องค์ มหาเทพแห่งความสำเร็จ | 6D4N
ราคาเริ่มต้น 36,999.-

ทัวร์อินเดียเมืองมุมไบ • วัดสิทธิวินายัก • เมืองมหัต • เทวสถานศรีวรทาวินายัก • เมืองปูเน่ ปูเน่ • เทอูร์ • เทวสถานศรีจินดามณี • โมเรกาวน์ • เทวสถานศรีมยุเรศวร • สิทธิเทก • เทวสถานศรีสิธิวินายกะ • เมืองปูเน่ รันยันกาวน์ • โอซาร์ • วัดศรีวิฆเนศวา • เลนยาตรี • วัดศรีคีรีจัตมา • ปูเน่
ทัวร์อินเดีย ทัวร์อินเดีย

สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์อินเดีย

วันที่ 1  กรุงเทพฯ • มุมไบ
วันที่ 2  เมืองมุมไบ • วัดสิทธิวินายัก • เมืองมหัต • เทวสถานศรีวรทาวินายัก • เมืองปูเน่
วันที่ 3  ปูเน่ • เทอูร์ • เทวสถานศรีจินดามณี • โมเรกาวน์ • เทวสถานศรีมยุเรศวร • สิทธิเทก • เทวสถานศรีสิธิวินายกะ • เมืองปูเน่
วันที่ 4  รันยันกาวน์ • โอซาร์ • วัดศรีวิฆเนศวา • เลนยาตรี • วัดศรีคีรีจัตมา • ปูเน่
วันที่ 5  ปูเน่ • วัดฮินดู • เมืองปาลี • เทวสถานศรีบัลลาเลศวา • มุมไบ • ประตูสู่อินเดีย • วัดพระแม่ลักษมี • สนามบินมุมไบ
วันที่ 6  สนามบินสุวรรณภูมิ

อัตราค่าบริการและเงื่อนไขรายการท่องเที่ยว
 

วันเดินทาง ไฟท์บิน จำนวน ผู้ใหญ่ เด็กไม่มีเตียง พักดี่ยว
20 – 25 ม.ค. 67 TG317 BKK-BOM 18.55-22.00
TG352 BOM-BKK 02.55-08.40
15+1 36,999 34,999 7,000
20 – 25 ก.พ. 67 TG317 BKK-BOM 18.55-22.00
TG318 BOM-BKK 23.20-05.05+1
15+1 38,999 36,999 7,000
19 – 24 มี.ค. 67 TG317 BKK-BOM 18.55-22.00
TG318 BOM-BKK 23.20-05.05+1
15+1 38,999 36,999 7,000
 

ทัวร์อินเดีย ทัวร์อินเดีย

โปรแกรมการเดินทางทัวร์อินเดีย

สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันแรก		กรุงเทพฯ • มุมไบ				                       		  ä (-/-/บนเครื่อง)
16.00 น.         พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 2 ROW D เคาน์เตอร์สายการบินไทย     THAI AIRWAYS (TG) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
18.55 น.         ออกเดินทางสู่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดิย โดยเที่ยวบินที่ TG 317 (*มีบริการอาหารบนเครื่อง*)

21.55 น.         เดินทางถึง ท่าอากาศยานสนามนานาชาติ ฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย พบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่
(*เวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดียช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1.30 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเพื่อสะดวกในการนัดหมาย*)
ที่พัก                THE FREN HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 * ที่เมืองมุมไบ
(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)
 
 
 

สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันที่สอง	เมืองมุมไบ • วัดสิทธิวินายัก • เมืองมหัต • เทวสถานศรีวรทาวินายัก • เมืองปูเน่			 								ä (เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า                  äบริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 1)
จากนั้น            นำท่านเดินทางเข้าสู่ วัดสิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ (บอมเบย์) องค์พระพิฆเนศที่นี่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นตรงที่งวงหันไปทางขวา ถือว่าเป็นประธานของเทวรูปพระพิฆเณศทั้งหมดในโลก ผู้คนที่นับถือพระพิฆเนศทั้งในอินเดียและต่างประเทศ ต่างพากันไปสักการะบูชาและขอพรอย่างไม่ขาดสาย ผู้ที่มาสักการะพระองค์
เที่ยง                äบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2)
จากนั้น            เดินทางสู่เมืองมหัต ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) 
                        นำท่านสักการะแห่งที่ 1 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายัก (Shri Varad Vinayak) โดยองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระวรทาวินายกะแห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่มีความเชื่อว่าไม่เคยมอดดับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1892 โดยมี ปลายยอดโดมทำด้วยทองคำ และเป็นเทวสถานแห่งเดียวที่อนุญาตให้เข้าไปสักการะภายในวิหารได้ ภายนอกวิหารจะปรากฏช้างจำนวน 4 เชือก อยู่ทั้ง 4 ด้าน ผู้ใดที่มาสักการะ จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ลบล้างคุณไสย์ มนต์ดำต่างๆได้

 
 
 
 
 
 
 
เย็น                  ä บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
ที่พัก                THE PRIDE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว ที่เมืองปูเน่
 (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)
สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันที่สาม	ปูเน่ • เทอูร์  • เทวสถานศรีจินดามณี • โมเรกาวน์ • เทวสถานศรีมยุเรศวร • สิทธิเทก • เทวสถานศรีสิธิวินายกะ  • เมืองปูเน่				ä (เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า                  ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 4)
 จากนั้น           นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 2 เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานในกลุ่มอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ (กปิล) จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี (จินดามณี-แก้วสารพัดนึก) เนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอเอาดื้อๆ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของประทานจากองค์พระอินทร์ จึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน อาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลจึงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วย ขวาน รุ่งเช้าจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล พระคเณศเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชทำ พระฤาษีอธิษฐานให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี"
ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี
 
 
 
จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 3 เทวสถานศรีมยุเรศวร (Shri Mayureshwar) ประดิษฐานอยู่ที่ โมเรกาวน์ (Morgaon) กษัตริย์จักรปาณี และ พระนางอัครา ได้ทำพิธีขอบุตรจาก สุริยเทพ เมื่อทรงครรภ์พระนางก็ไม่ สามารถทนความร้อนแรงที่เกิดจากทารกในครรภ์ได้ จึงขับทารกออกจากครรภ์ และได้นำตัวอ่อนของทารกไปฝากไว้กับ พระสมุทร ในทะเล บังเกิดเป็นทารกที่มีกายสีแดง พระโอรสได้รับพระนามว่า สินธุ เพราะถือกำเนิดจากทะเล เมื่อสินธุเติบโตขึ้น บำเพ็ญตบะพร่ำสวดมนตราภาวนาต่อองค์พระสุริยเทพเป็นเวลาถึงสองพันปี จนสุริยเทพพอพระทัย จึงเสด็จมาให้พรสินธุขอพรให้เป็นอมตะ สุริยเทพประทานหม้อน้ำอมฤตโดยบอกว่า ตราบใดที่น้ำอมฤตนี้ยังอยู่ในท้อง ก็จะไม่มีผู้ใดฆ่าสินธุได้ เมื่อได้พรแล้วก็กลับมายังอาณาจักรสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่นิสัยใจคอนั้นดุร้ายเหี้ยมโหดดังอสูร จับเทวดานางฟ้ากักขัง จนบรรดาทวยเทพต้องร่วมกันอ้อนวอนต่อองค์พระคเณศให้ช่วยเหลือ พระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องสินธุ เอาหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาดก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์ บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ผงสินธู"  ผู้ที่มาสักการะองค์ "พระศรีมยุเรศวร" จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพาน
เที่ยง                  ä บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)
จากนั้น             เดินทางสู่เมืองสิทธาเทก อยู่ห่างจาก เทอูร์ 74 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม. )
นำท่าน            เดินทางสักการะแห่งที่ 4 เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (Shri Siddhivinayaka) ประดิษฐานอยู่ที่ สิทธาเทก ในคเณศ  ปุราณะ ได้กล่าวถึงตำนานเทวสถานแห่งนี้ว่า ในขณะที่ พระพรหม รังสรรค์โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่นั้น  ครั้งนั้นพระองค์ได้ให้กำเนิดเทวีขึ้น 2 องค์คือ พระนางพุทธิ และ พระนางฤทธิ  พระองค์ได้ประทานบุตรีทั้ง 2 องค์นี้ให้เป็นชายาแก่ พระคเณศ ในเวลานั้น องค์พระหริวิษณุเทพ (พระนารายณ์) อยู่ในระหว่างบรรทมสินธุ์ ณ เกษียรสมุทร มูลพระกรรณ(หรือขี้หู) ของพระวิษณุ 2 เม็ดได้ไหลออกมาจากพระกรรณ กลายเป็นอสูร 2 ตนคือ มาธุสูร และ ไกตภสูร พวกอสูรได้ก่อกวนองค์พระพรหมจนต้องเสด็จไปพึ่งพระวิษณุ เมื่อทราบเรื่องราวของอสูรแล้วจึงได้เสด็จไปปราบอสูรทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถกำราบอสูรลงได้ พระองค์จึงเสด็จไปพบองค์ พระศิวะ เพื่อปรึกษาหนทางที่จะปราบอสูร หลังจากนั้นองค์พระคเณศปรากฎต่อพระวิษณุและให้พรในการปราบอสูร พระวิษณุเทพจึงสามารถสังหารอสูรทั้งสองลงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพระวิษณุจึงสร้างเทวสถานขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อครอบสวยัมภูมูรติของพระคเณศ ณ สถานที่แห่งนี้ที่ทำให้พระองค์มีชัยชนะในสงคราม พระคเณศได้ประทานนามแก่เทวสถานแห่งนี้ว่า "สิทธิวินายกะ"
            ผู้ใดได้สักการะองค์ "ศรีสิทธิวินายัก" นี้จะประสบความสำเร็จในการงานทุกประการ

จากนั้น            เดินทางสู่เมืองปูเน่
เย็น                  äบริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)
ที่พัก                THE PRIDE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว ที่เมืองปูเน่
(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)

สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันที่สี่		รันยันกาวน์  • โอซาร์ • วัดศรีวิฆเนศวา • เลนยาตรี • วัดศรีคีรีจัตมา • ปูเน่  												ä (เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า                  ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 7)
จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 5 วัดศรีมหาคณปติ (Sri Mahaganapati) แห่งเมือง รันยันกาวน์ เทวตำนานเล่าว่า ขณะที่ฤาษีคฤตสมาชนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาได้จามออกมาเป็นกุมารน้อยผิวสีแดง จึงสอนให้กุมารสวดบูชาต่อพระพิฆเนตร กุมารน้อยบำเพ็ญเพียรกว่าห้าพันปีทำให้พระพิฆเนศพอใจเป็นอย่างมากจึงประทานพรให้ แต่กุมารขอให้ตนเองมีอำนาจเหนือ 3 โลก พระพิฆเนศให้ตามที่ขอโดยการเนรมิตประสาท 3 หลัง คือประสาททองคำ ประสาทเงิน และประสาทโลหะให้ และตรัสว่า “ต่อไปนามของเจ้าคือ ตรีปุระ และวันใดที่เจ้าชั่วร้าย ประสาทเหล่านี้จะถูกทำลายและเจ้าจะถูกทำลายเสวยศรดอกเดียวของพระศิวะ บิดาแห่งข้า” ต่อมาตรีปุระลำพองตนรุกรานทั้ง 3 โลก องค์พระศิวะจึงเสด็จมาปราบ และหลังจากบวงสรวงต่อพระพิฆเนศแล้วพระศิวะก็ปราบตรีปุระได้สำเร็จ จึงเชื่อว่าเทวสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระศิวะบวงสรวงต่อพระพิฆเนศ การสักการะองค์ศรีมหาคณปติจะทำให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถพิชิตมารร้ายและอุปสรรคทั้งหลายได้สำเร็จ ผู้ที่มาสักการะองค์ "ศรีมหาคณปติ" ที่นี่จะได้รับความสำเร็จสบปรารถนา

เที่ยง                  ä บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)
จากนั้น             เดินทางสู่เมืองโอซาร์ (ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม.) นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 6 วัดศรีวิฆเนศวา (Sri Vighneshwar) ประดิษฐานอยู่ที่ โอซาร์ เทวะสถานแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะยอดโดมที่เป็นทองคำและความงดงามของพวงมาลัยที่ประดับอยู่ที่ตัวเทวาลัย นามขององค์ศรีวิฆเนศวรมาจากเทะวตำนานว่า กษัตริย์ อภินันทะประกอบพิธีบูชายัญเพื่อจุติมาเป็นอินทรเทพ พระอินทร์ได้ทราบดังนั้นจึงสร้างวิฆนาสูรเพื่อส่งไปทำลายพิธีกรรมของกษัตริย์อภินันทะ แต่อสูรตนนี้กลับทำลายพิธีทั้งหมดทำให้ธรรมะเลือนหายไปจากทั้งสามโลก เหล่าฤาษีนักบวชจึงอ้อนวอนต่อพระพิฆเนศให้เสด็จมาปราบอสูร พระพิฆเนศใช้อำนาจสยบอำนาจทั้งหมดของอสูรทำให้วิฆนาสูรยอมแพ้และถวายตัวต่อองค์พระพิฆเนศเพื่อให้ไว้ชีวิตตนและขอร้องให้องค์พระพิฆเนศใช้ชื่อของตัวเองรวมกับพระนามของพระองค์เพื่อล้างบาปและเป็นบุญกุศลแก่อสูร เทวรูปพระพิฆเนศที่นี่จึงถูกขนานนามว่า “ศรีวิฆเนศวร” หมายถึงผู้ขจัดอุปสรรคและภยันตราย
เชื่อว่าผู้ที่มาสักการะองค์ศรีวิฆเนศวรก่อนทำการใดๆ จะทำการนั้นได้สำเร็จราบรื่น ไร้อุปสรรค

นำท่านเดินทางสู่เมืองเลนยาตรี ( ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม.)
 
จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 7 วัดศรีคีรีจัตมา (Sri Girijatmaj) ประดิษฐานอยู่ที่ เลนยาตรี ตั้งอยู่ในถ้ำบนภูเขาริมแม่น้ำกุกดี เมืองเลนยาตรี (Lenyadri) ซึ่งครั้งหนึ่งถ้ำที่ภูเขาแห่งนี้ ได้ขุดเจาะเพื่อเป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อม ศาสนาฮินดูก็รุ่งเรือง และภายในถ้ำแห่งนี้ก็เกิดปาฏิหาร มีพระพิฆเนศเกิดขึ้นมาทำให้ชาวฮินดูขึ้นมายาตรามหาเทพ จึงทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นถ้ำของพระพิฆเนศ การสักการะองค์พระพิฆเนศ จะต้องขึ้นบันได 283 ขั้น เท วะตำนานแห่งนี้เล่าว่า พระแม่ปารวตี (พระอุมาเทวี) ต้องการโอรสมากจึงได้ทำพิธีปันยากพรต (บุญยักวริตะ) ขึ้นเพื่อเป็นการบูชาต่อพระวิษณุเทพ ตามการแนะนำของพระศิวะเป็นเวลาหนึ่งปี ทำให้พระวิษณุโปรดปราณมาก จึงให้พระกฤษณะไปกำเนิดเป็นบุตรของพระแม่อุมาเทวี และสถานที่ที่พระแม่อุมากระทำพิธีก็คือเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้นี่เอง จึงเชื่อกันว่า พระพิฆเนศเป็นอวตารปางหนึ่งของพระกฤษณะด้วยการยาตรามายังถ้ำเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้ก็เพื่อขอบุตร ซึ่งผลบุญแห่งการยาตรามาแสวงบุญนี้ จะทำให้ผู้ที่ยังไม่มีบุตรและมาประกอบพิธีขอบุตรที่นี่จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอและ จะได้บุตรที่ดีเฉลียวฉลาดและมีปัญญาหลัก  แหลมเหมือนดังองค์พระคเนศ และที่บริเวณถ้ำแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเลนยาตรีได้อีกด้วย
เย็น                  ä บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9)
ที่พัก                THE PRIDE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว ที่เมืองปูเน่
(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)
สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันที่ห้า	ปูเน่ • วัดฮินดู • เมืองปาลี • เทวสถานศรีบัลลาเลศวา • มุมไบ • ประตูสู่อินเดีย •	         วัดพระแม่ลักษมี • สนามบินมุมไบ				ä (เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า                  ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 10)
จากนั้น             นำท่านสักการะองค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ (Dagadusheth Halwai Ganapati) ประดิษฐานอยู่ที่ เทวลัยพระพิฆเนศวร เมืองปูเน่ เป็นองค์พระพิฆเนศหล่อจากทองคำ ตกแต่งด้วยเครื่องทรงและเครื่องประดับจากทองคำแท้ ความสูง 7.5 ฟุต เชื่อกันว่าผู้ใดที่ได้มาสักการะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทองแบบมหาศาล

จากนั้น             เดินทางสู่เมืองปาลี (PALI) (ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ช.ม.)  นำท่าน สักการะแห่งที่ 8 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีบัลลาเลศวา (Shri Ballaleshwar Pali) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตร และพระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร ประทับอยู่บนบัลลังก์ไม้แกะสลัก โดยมี มุสิกะ หนูเทวพาหนะของพระองค์ท่าน เหยียบขนมโมทกะอยู่บริเวณด้านหน้าของเทวรูปบริเวณด้านหลังเทวสถานแห่งนี้จะปรากฏ เทวสถานศรีทุนธิ (Shree Dhundi Temple) ที่ประดิษฐานหินพระคเณศ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหินพระเคณศเดียวกับที่ถูกนายกัลยัน บิดาของ เด็กหนุ่มบัลลาเขวี้ยงทิ้ง ผู้ใดที่มาสักการะจะได้รับความสุขทั้งครอบครัว
จากนั้น             นำท่านเดินทางกลับเมือง มุมไบ ( ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
เที่ยง                  ä บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 11)

จากนั้น            นำท่านสู่ ประตูสู่อินเดีย GATE WAY   เป็นอนุสาวรีย์ซุ้มประตูโค้งแบบประตูชัย ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ประตูสู่อินเดียสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จฯ เยือนนครมุมไบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ พระนางมาเรียแห่งเท็ค เมื่อปี 1911 ณ บริเวณอะพอลโลบันเดอร์ สถาปัตยกรรมที่ใช้คือแบบอินเดีย-ซาราเซน (Indo-Saracenic) และอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินบะซอลต์ ความสูง 26 เมตร (85 ฟุต) ใช้เวลาสร้างสำเร็จในปี 1924 ปัจจุบันใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพิธีต้อนรับรัฐมนตรีใหม่ของนครมุมไบ และเช่นกัน เป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางมหาสมุทรอินเดีย ประตูสู่อินเดียตั้งอยู่หน้าน้ำที่อะพอลโลบันเดอร์ ในทางทิศใต้ของนครมุมไบ มองออกไปคือทะเลอาหรับบางครั้งเรียกว่าเป็นทัชมาฮาลแห่งมุมไบ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง
จากนั้น            นำท่านสักการะ วัดพระแม่ลักษมี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1831 โดยพ่อค้าชาวฮินดู ภายในประดิษฐานเทวรูปทองคำ พระแม่ลักษมี (Mahalakshmi) ผู้ที่มากราบไหว้บูชาแห่งนี้ จะประสบแต่ความร่ำรวย ความสำเร็จ โชคลาภมากมาย , พระแม่กาลี (Mahakali) คือผู้ปกป้องเราจากสิ่งไม่ดี , พระแม่สุรัสวตี (Mahasaraswathi) คือผู้บันดาลความเฉลี่ยวฉลาด ปัญญาเป็นเลิศ การงานสำเร็จ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวอินเดียเดินทางมากราบไว้สักการะมากมาย

เย็น                  ä บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (มื้อที่ 12)
ได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่ สนามบินมุมไบ ประเทศอินเดีย เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
โดยเที่ยวบินที่ TG 318 (**บริการอาหารบนเครื่อง**)
23.35 น.         ออกเดินทางจากสนามบินมุมไบ มุงหน้าสู่ ประเทศไทย

สี่เหลี่ยมผืนผ้า: มุมมน: วันที่หก	สนามบินสุวรรณภูมิ								 ä (-/-/-)
05.35+1 น.    เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
ทัวร์อินเดีย ทัวร์อินเดีย

เงื่อนไขทัวร์อินเดีย

อัตราค่าบริการรวม

  • ตั๋วเครื่องบินไป -กลับพร้อมกรุ๊ป กรุงเทพฯ-บอมเบย์-กรุงเทพฯ สายการบิน Thai Airways (TG) เป็นตั๋วหมู่คณะไม่สามารถสะสมไมล์ได้
  • ที่พักโรงแรมตามรายการ 4 คืน พักห้องละ 2-3 ท่าน (กรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว)
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 30 กก.ต่อ 1 ใบ(โหลดได้ท่านละ 1 ใบ)กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ
  • ค่าอาหารตามรายการระบุ (สงวนสิทธิ์ในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
  • น้ำดื่มบริการบนรถวันละ 1 ขวด/ท่าน
  • ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
  • ค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  • ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวคนไทย
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  • ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด (สงวนสิทธิ์เก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
 
  • ประกันโควิด-19 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 50,000 USD
  • ประกันอุบัติเหตุวงเงิน 2,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์)
เงื่อนไขประกันการเดินทาง  ค่าประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางไม่คุ้มครองถึงการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวและไม่คุ้มครองโรคประจำตัวของผู้เดินทาง
อัตราค่าบริการไม่รวม
  • ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  •  ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 30 กิโลกรัมต่อท่าน
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  •  หากหน่วยงานรัฐบาลไทย และ/หรือ อินเดียมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดเกี่ยวกับการกักตัวเพิ่มเติม
และ/หรือ ขอเรียกตรวจโรคเพิ่มเติม ทางผู้เดินทางจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินด้วยตนเอง
  • วีซ่าเข้าประเทศอินเดียเป็นแบบ E-VISA 1,000 บาท ค่าดำเนินการ 500 บาท  (เป็นแบบเข้า-ออกได้ 1 ครั้ง และอนุญาตให้อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน) **เงื่อนไขวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของประเทศอินเดีย**
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,คนขับรถ,ผู้ช่วยคนขับรถ 40 USD/ทริป/ลูกทัวร์1ท่าน(บังคับตามระเบียบธรรมเนียมของประเทศ)
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ตามสินน้ำใจของทุกท่าน (ไม่รวมในทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถแต่ไม่บังคับทิปค่ะ)
  • ค่าตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย

** กรุณาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในโปรแกรมทัวร์อินเดีย **
ทัวร์อินเดีย

ทัวร์อินเดีย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทัวร์อินเดีย