สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น
วันที่ 1 | ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
วันที่ 2 | ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น – เมืองเกียวโต –วัดคินคะคุจิ – วัดคิโยมิสึเดระ – ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ – เมืองนาโกย่า |
วันที่ 3 | เมืองนาโกย่า – เมืองกุโจฮาจิมัง – หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ – เมืองทาคายามะ – ถนนซันมาจิซูจิ – เมืองนาโกย่า |
วันที่ 4 | เมืองนาโกย่า – หุบเขาโครังเค – จังหวัดชิซูโอกะ – นิฮงไดระ ยูเมะ เทอร์เรซ – น้ำตกชิราอิโตะ – เมืองยามานาชิ – หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก – ออนเซ็น + ขาปูยักษ์ |
วันที่ 5 | กรุงโตเกียว – ชมแมวยักษ์3มิติ พร้อมช้อปปิ้งย่านชินจูกุ – ย่านโอไดบะ – ห้างไดเวอร์ซิตี้ – เมืองนาริตะ |
วันที่ 6 | เมืองนาริตะ – วัดนาริตะซัน – ห้างสรรพสินค้าอิออน – ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
ที่นั่งจำนวน กรุ๊ปละ 30 ท่าน | ||||
วันเดินทาง | ราคาผู้ใหญ่ | พักเดี่ยว | อากาศ | ไฮไลท์ |
01 - 06 ตุลาคม 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
05 - 10 ตุลาคม 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
09 - 14 ตุลาคม 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
21 - 26 ตุลาคม 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
23 - 28 ตุลาคม 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
02 - 07 พฤศจิกายน 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
09 - 14 พฤศจิกายน 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
19 - 24 พฤศจิกายน 2566 | 55,888.- | 12,000.- | ||
23 - 28 พฤศจิกายน 2566 | 55,888.- | 12,000.- |
โปรแกรมการเดินทางทัวร์ญี่ปุ่น
วันแรก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
20.30 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ผู้โดยสารขาออก เพื่อพบไกด์และรับเอกสาร และโหลดกระเป๋าเคาน์เตอร์ D สายการบินไทย (THAI AIRWAYS) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ และอานวยความสะดวกในการเช็คอิน23.59 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เที่ยวบินที่ TG622
(บริการอาหารร้อน พร้อมเครื่องดื่ม บนเครื่อง)
วันที่สอง ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น – เมืองเกียวโต –วัดคินคะคุจิ –
วัดคิโยมิสึเดระ – ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ – เมืองนาโกย่า
07.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากร เรียบร้อยแล้ว แล้ว (เวลาที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเพื่อความสะดวกในการนัดหมายเวลา) ***สำคัญมาก!! ประเทศญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้นำอาหารสด จำพวก เนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ เข้าประเทศ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับและจับหลังผ่านขั้นตอนการเข้าประเทศแล้ววัดคิโยมิสึเดระ – ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ – เมืองนาโกย่า
เดินทางสู่ เมืองเกียวโต (Kyoto) (ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1.50 ชั่วโมง) เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของวัฒนธรรมที่ประณีต ศิลปะแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง มีมนต์เสน่ห์แบบชนบทญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นนิยมของคนทั่วโลก
นำท่านสู่ วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือ วัดทอง หรือ วัดอิคคิวซัง ที่คนไทยนิยมเรียก เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิกากะ โยชิมิสุและท่านมีความตั้งใจยกบ้านพักแห่งนี้ให้เป็นวัดนิกายเซนภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต คนไทยนิยมเรียกกันว่า วัดทอง เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ ทำให้เกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงามเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)
นำท่านสู่ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) แปลเป็นภาษาไทยว่า วัดน้ำใส เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.778 นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเพื่อสักการะและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ซึ่งเป็นพระประธานของวัด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานของเทพเอบิสึผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยมั่งคั่ง ตัววัดก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมดแต่ที่น่าสนใจ ได้แก่ เสาที่ค้ำยันระเบียงวัดขนาดใหญ่ เสาดังกล่าวประกอบไปด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนร้อยกว่าต้น สร้างขึ้นด้วยไม้ขนาดใหญ่สูงจากพื้น 12 เมตร โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว อาคารไม้หลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1994 จากองค์การยูเนสโกในฐานะส่วนหนึ่ง ของอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์เมืองเกียวโต
นำท่านสู่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine or Fushimi Inari Taisha) ศาลเจ้าเสาโทริอิพันต้นแห่งเกียวโต (จริงๆมีเป็นหมื่นๆ ต้น) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก หรือ ศาลเจ้าแดง เป็นศาลเจ้าชินโตสร้างถวายแด่ เทพอินาริ ซึ่งเป็น เทพแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารของญี่ปุ่น ช่วยบันดาลในหลายเรื่องตั้งแต่ พืชพันธุ์งอกงาม, ค้าขายรุ่งเรือง, คลอดบุตรปลอดภัย, โรคภัยหายป่วย และช่วยในเรื่องการขอให้สอบผ่าน เป็นต้น ศาลเจ้าแห่งนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังจาก เสาโทริอิสีแดง เรียงตัวกันจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ตามตำนานเล่าสู่ว่า โดยปกติแล้วเทพอินาริจะไม่สื่อสารกับมนุษย์เองโดยตรง แต่จะสื่อสารผ่านบริวารของท่าน นั่นคือ สุนัขจิ้งจอก (คิทสึเนะ 狐) นั่นเอง ทำให้มีรูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกตั้งเรียงรายเต็มไปหมด จนคนทั่วไป นิยมเรียก ศาลเจ้าแห่งนี้ว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก อิสระให้ท่านขอพรและถ่ายรูปภาพตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองนาโกย่า (Nagoya) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.50 ชั่วโมง) เป็นตัวเมืองของจังหวัดไอจิ มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 2 ล้านคน เป็นเมืองศูนย์รวมการค้าและการคมนาคมที่สําคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
เย็น รับประทานอาหารเย็นอิสระตามอัธยาศัย
ที่พัก THE B NAGOYA หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่สาม เมืองนาโกย่า – เมืองกุโจฮาจิมัง – หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ – เมืองทาคายามะ – ถนนซันมาจิซูจิ – เมืองนาโกย่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (2)นำท่านสู่ เมืองกุโจฮาจิมัง (Gujohachiman) (ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง)เสน่ห์ของที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น มีทั้งเมืองเก่าที่เรียงรายกัน และมีรางน้ำจำนวนมากจนถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เมื่อเดินเล่นไปในเมืองนี้จะสังเกตเห็นได้ว่ามีรางน้ำไหลผ่านทั่วทั้งเมือง อิสระให้ท่านชม เมืองกุโจ ตามอัธยาศัย ให้ท่านเพลิดเพลินกับการชม พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แกลเลอรี่ วัด ศาลเจ้า อีกทั้งยังมีเทศกาลเต้นรำฤดูร้อนอันโด่งดัง นอกจากนี้เมืองกุโจขึ้นชื่อเรื่องเมืองแห่งอาหารจำลอง ปริมาณการผลิตอาหารจำลองนั้นเป็นที่หนึ่งในญี่ปุ่น โมเดลอาหารที่เห็นตามร้านกินดื่มในญี่ปุ่นนั้นถูกผลิตจากที่นี่กว่าครึ่งเลยทีเดียว ถือได้ว่าแหล่งท่องเที่ยวนี่มีครบทั้งสายชิล สายธรรมชาติและสายวัฒนธรรม (สถานที่ท่องเที่ยงบางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ราคาไม่รวมกับค่าทัวร์) นำท่านเดินทางสู่ร้านอาหาร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (3)
นำท่านสู่ หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เมืองที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านชาวนาที่มีรูปร่างแปลกตาติดอันดับ The most beautiful village in Japan และเป็นเมืองมรดกโลกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ไฮไลท์!! หมู่บ้านแบบกัชโชสึคุริ เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า กัชโช มีความหมายว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะ รูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวที่ทำมุมชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่ประนมเข้าหากัน ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 10 เมตร ทั้งหลังถูกสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ต่อมา ในปีค.ศ. 1995 องค์กรยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้ชิราคาวาโกะเป็นมรดกโลก
จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองทาคายามะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและธารน้ำใสจำนวนมาก อบอวลไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ อิสระให้ท่านเดินเล่น ถนนซันมาจิซูจิ (Sanmachi-Suji Street) ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น ลิตเติ้ลเกียวโต หรือ เกียวโตน้อย เป็นย่านเมืองเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งอารยธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีในอดีตของชาวญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์ บ้านเรือน, ร้านค้า, คาเฟ่และโรงสาเก สร้างขึ้นด้วยไม้แบบโบราณ และยังคงบรรยากาศแบบสมัยเอโดะไว้ นอกจากนี้ยังมี วัด, ศาลเจ้า, สะพานและตลาดเช้าที่คึกคักเต็มไปด้วยผู้คน ตัวเมืองสวยสะอาด ทันสมัย และมีสภาพธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
เดินทางกลับ เมืองนาโกย่า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
เย็น อิสระรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย
พักที่ THE B NAGOYA หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
บริเวณใกล้ที่พักอิสระให้ท่าน ช้อปปิ้งย่านซาคาเอะ (Sakae) เป็นย่านธุรกิจการค้า โดยเฉพาะ แหล่งราตรี เช่น คลับและบาร์ มีห้างสรรพสินค้ามัตสึซาคายะ หรือ เมืองใต้ดิน (Central Park) แหล่งรวมแฟชั่นและร้านค้าสุดเก๋มากมาย เช่น ร้านเสื้อผ้า, ร้านของใช้กระจุกกระจิก, ร้านซาลอนความงาม เป็นต้น แฟนๆไอดอลญี่ปุ่น ห้ามพลาด ต้องมาเยือนห้างสรรพสินค้าซันไชน์ ซาคาเอะ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแหล่งรวมความบันเทิงมากมาย ที่มี Grand Canyon ฮอลล์จัดคอนเสิร์ตศิลปินไอดอลและยังเป็นคาเฟ่ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของ “ชิงช้าสวรรค์ Sky Boat” แลนด์มาร์คของย่านนี้อีกด้วย อิสระเพลิดเพลินย่านนี้ตามอัธยาศัย
วันที่สี่ เมืองนาโกย่า – หุบเขาโครังเค – จังหวัดชิซูโอกะ – นิฮงไดระ ยูเมะ เทอร์เรซ –
น้ำตกชิราอิโตะ – เมืองยามานาชิ – หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก – ออนเซ็น + ขาปูยักษ์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (4)น้ำตกชิราอิโตะ – เมืองยามานาชิ – หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก – ออนเซ็น + ขาปูยักษ์
จากนั้นนำท่านสู่ หุบเขาโครังเค (Korankei Gorge) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในภูมิภาคชูบุ หุบเขาอยู่ในหมู่บ้านอะสุเกะ มีสายน้ำโอบล้อมภูเขาอิโมริ ที่ความสูง 254 เมตร ด้านบนเป็นที่ตั้งของวัดโคจะคุจิ เล่ากันว่ากว่า 300 ปี ที่แล้ว เจ้าอาวาสวัดโคจะคุจิ เริ่มปลูกต้นเมเปิ้ลบริเวณวัด ต่อมาชักชวนชาวบ้านให้มาช่วยปลูกเพิ่มเติมจนเต็มหุบเขา ถึงวันนี้มีต้นเมเปิ้ลมากกว่า 4000 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเหล่าใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนสีสวยสะพรั่งทั่วหุบเขา ไฮไลท์!!เส้นทางริมแม่น้ำโทโมเอะ ซึ่งมีสะพานไม้ไทเกะสึเคียวเป็นฉากเด่น และเป็นสะพานสัญลักษณ์ประจำโครังเค ถือเป็นจุดที่สวยที่สุดของหุบเขาแห่งนี้ ใกล้กันมี หมู่บ้านซันชู อะสุเกะยาชิกิ (Sanshu Asuke Yashiki Village) เป็นพิพิธภัณฑ์ประเพณีพื้นบ้านที่รวบรวมและเก็บรักษาบ้านเก่าไว้ในบรรยากาศเหมือนหมู่บ้าน ชมวิถีชีวิตของคนชนบท เช่น เลี้ยงวัว ปลูกผัก มีช่างฝีมือนั่งทำงานในบ้านแต่ละหลัง กลึงไม้ สานตะกร้า ตีมีด ย้อมผ้า ทำกระดาษสา ทำร่ม เผาถ่าน ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในบ้านแต่ละหลังได้อย่างใกล้ชิด (ไม่รวมค่าเข้าหมู่บ้าน ผู้ใหญ่คนละ 300 เยน เด็ก 100 เยน เปิดบริการ 9.00 -17.00 น.)
**หมายเหตุ ช่วงพีคของโครังเค คือกลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ถึงแม้ไม่ใช่ช่วงพีค ธรรมชาติที่นี่ก็สวยงามและสามารถชมได้ตลอดทั้งปี
จากนั้นเดินทางสู่ จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) (ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ บนเกาะฮนชู เป็นที่ตั้งของภูเขาฟูจิบางส่วน เนื่องจากมีส่วนที่ติดทะเลมากทำให้มีอาหารทะเลสดอร่อย เช่น หอยนางรม กุ้ง ปลามากุโระ ปลาไหล และมีชื่อเสียงของการปลูกวาซาบิ และชาเขียว ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกชาเขียวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกมากมาย เพื่อนำท่านสู่ นิฮงไดระ ยูเมะ เทอร์เรซ (Nihondaira Yume Terrace) เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บน ที่ราบสูงนิฮงไดระ จังหวัดชิซูโอกะ ไม้สำหรับอาคารนี้ทำมาจากไม้ของจังหวัดชิซูโอกะ ออกแบบโดย Kengo Kuma สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น โดยมีรูปทรงแปดเหลี่ยมซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัดโฮริวจิ จังหวัดนารา เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่เหมือนพาคุณเข้าไปในโลกแห่งความฝัน เป็นอาคาร 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์น มีระเบียงแปดเหลี่ยมพร้อมทิวทัศน์มุมกว้างสำหรับชมวิวธรรมชาติและบรรยากาศของเมืองโดยไร้สิ่งกีดขวางพร้อมภูเขาไฟฟูจิได้แบบ 360 องศา มีสะพานที่เชื่อมระหว่างระเบียงกับทางเดินไปยังที่จอดรถ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ และคาเฟ่ สำหรับให้ท่านได้เพลิดเพลิน จิบนม ชิมกาแฟ สัมผัสบรรยากาศดีๆ กับวิวภูเขาไฟฟูจิตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (5)
จากนั้นนำท่านสู่ น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito no taki) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) เป็นน้ำตกตั้งอยู่ที่ เมืองฟูจิโนมิยะ จังหวัดชิซูโอกะ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฟูจิฮาโกเนอิซุ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมกันกับภูเขาไฟฟูจิ อุทยานแห่งชาติฟูจิฮาโกเนอิซุ และทะเลสาบฟูจิทั้งห้าภายใต้ชื่อ "ฟูจิซัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของความบันดาลใจทางศิลปะ" เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ.2013 น้ำตกชิราอิโตะถือเป็นน้ำตกที่ศักดิ์สิทธิ์ มีศาลเจ้าอาซามะตั้งอยู่ ด้วยการไหลของสายน้ำที่แยกสายออกเป็นหลากร้อยเส้น ทำให้มองดูแล้วเหมือนกับเส้นด้ายสีขาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกที่ว่า ชิราอิโตะ ที่แปลตรงตัวว่า ด้ายสีขาวนั่นเอง อีกทั้งที่นี่ยังมีเรื่องราวของการปฏิบัติธรรมในถ้ำที่เคยเกิดภูเขาไฟปะทุขึ้นมาด้วย จึงทำให้ผู้คนให้ความศรัทธากันว่าเป็นที่ชำระล้างจิตใจ และเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของผู้แสวงบุญ จึงถือเป็นพาเวอร์สปอตอีกจุดหนึ่งในญี่ปุ่น ที่นี่สามารถชมฟูจิซังได้ในมุมที่ไม่เหมือนใคร เป็นน้ำตกและภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ด้านหลัง และถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากอีกด้วย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่จังหวัดยามานาชิ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง)
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกสถานที่หนึ่ง โดยมีวิวภูเขาไฟฟูจิสีขาวตัดกับพื้นหลังสีฟ้า เป็นภาพที่สวยงามมาก โอชิโนะฮักไกเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประกอบด้วยบ่อน้ำ 8 บ่อในโอชิโนะ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ กับทะเลสาบยามานาคาโกะ บ่อน้ำทั้ง 8 นี้เป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน ที่ไหลมาจากทางลาดใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และซุ้มรอบๆบ่อ ที่ขายทั้งผัก ขนมหวาน ผักดอง งานฝีมือ และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอื่นๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ของโรงแรม (6) พิเศษ!! อิ่มอร่อยกับ บุฟเฟ่ต์ขาปู
พักที่ ホテル縁の杜河口湖 YUKARI NO MORI หรือระดับเดียวกัน
หลังอาหารให้ท่านได้ผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่ธรรมชาติ เชื่อว่าถ้าได้แช่น้ำแร่แล้ว จะทำให้ผิวพรรณสวยงามและช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น
กรุงโตเกียว – ชมแมวยักษ์3มิติ พร้อมช้อปปิ้งย่านชินจูกุ –
ย่านโอไดบะ – ห้างไดเวอร์ซิตี้ – เมืองนาริตะ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (7)ย่านโอไดบะ – ห้างไดเวอร์ซิตี้ – เมืองนาริตะ
08.25 น. นำท่านเดินทางสู่ ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) ที่มีความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล 3,776 เมตร ภูเขาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเรื่องความสวยงามที่ธรรมชาติได้มอบมาให้อย่างลงตัว และยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นตลอดทุกฤดูกาล นำท่านขึ้นสู่ชั้นที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจิ (ขอสงวนสิทธิ์ไม่ขึ้น ในกรณีที่อากาศไม่เอื้ออำนวย หรือ ทางขึ้นปิด) ที่ทุกท่านจะได้เห็นถึงความสวยงามของตัวภูเขาและวิวโดยรอบของภูเขาไฟฟูจิ ให้ทุกท่านได้ถ่ายภาพความประทับใจเก็บไว้ และเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายบรรยากาศได้อีกด้วยอิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปและซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านสัมผัสวัฒนธรรมดั้มเดิมของญี่ปุ่น นั่นก็คือ การเรียนพิธีชงชาญี่ปุ่น (Sado) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) โดยการชงชาตามแบบญี่ปุ่นนั้น มีขั้นตอนมากมาย เริ่มตั้งแต่การชงชา การรับชา และการดื่มชา ทุกขั้นตอน นั้นล้วนมีพิธี รายละเอียดที่บรรจงและสวยงามเป็นอย่างมาก พิธีชงชานี้ไม่ใช่แค่รับชมอย่างเดียว ยังเปิดโอกาสให้ท่านได้มีส่วนร่วมในพิธีการชงชานี้อีกด้วย และจากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของที่ละลึกตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (8)
แวะชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสี ณ อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Corridor or Momiji Kairo) เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบคาวากูจิโกะ บริเวณดังกล่าวจะถูกจัดเป็นงานเทศกาลชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival ที่ตลอดสองฝั่งข้างทางจะเรียงรายไปด้วยต้นเมเปิ้ลมากกว่า 60 ต้น ที่มีใบสีแดง สีเหลืองและสีส้มสลับไปมาทอดยาวกว่า 2 กิโลเมตร สำหรับใบที่แห้งแล้วก็จะร่วงหล่นลงที่พื้นหรือที่คลอง ทำให้ทั้งด้านบนและด้านล่างเต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลหลากสีสัน ราวกับพุ่มอุโมงค์ใบเมเปิ้ล ในยามค่ำคืนตั้งแต่เวลา 16.30 -22.00 น. จะมีการประดับไฟ illumination เปิดประดับยาวตามทางเดินไปตลอดแนวทาง ทำให้อุโมงค์ใบเมเปิ้ลแห่งนี้ไม่ว่าจะยามกลางวันหรือกลางคืนก็งดงามไม่แพ้กัน (**หมายเหตุ เทศกาล Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival จะจัดขึ้นในช่วงราวๆ ปลายเดือนตุลาคม ถึง กลางเดือน พฤศจิกายน ของทุกปี และสำหรับปี 2023 ยังไม่ประกาศออกมาอย่างแน่ชัด)
เดินทางสู่ กรุงโตเกียว (Tokyo) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.50 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) บนเกาะฮอนชู (Honshu) ในอดีตคือเมืองเอโดะ (Edo) มีรถไฟสายยามาโนเตะ (Yamanote) วนเป็นวงกลมอยู่ใจกลางเมือง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ย่านชินจุกุ (Shinjuku) ให้ท่านอิสระและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมายทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกา เครื่องเล่นเกมส์ หรือสินค้าที่จะเอาใจคุณผู้หญิงด้วย กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า แบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น เครื่องสำอางยี่ห้อดังของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น KOSE, KANEBO, SK II, SHISEDO และอื่นๆ อีกมากมาย ห้ามพลาด!!! จุดเช็คอินแห่งใหม่ของชาวโซเชี่ยล นั่นก็คือ แมวยักษ์ 3 มิติ ที่โผล่บนจอแอลอีดีมีขนาดมหึมา จอมีความโค้งขนาด 154 ตารางเมตร (1,664 ตารางฟุต) เสียงที่ออกจากลำโพงคุณภาพเกรดดี ความละเอียดภาพระดับ 4K ถือเป็นเทคโนโลยีระดับสูง ที่ให้ภาพเสมือนจริงปรากฎเป็นภาพแมวเหมียวเดินเล่นไปมาอยู่เหนือกรุงโตเกียว นอกจากแมวยักษ์แล้ว ท่านยังสามารถรับชมโฆษณาต่างๆ ที่ถูกครีเอทให้เป็นภาพ 3 มิติผ่านจอแอลอีดีนี้ ไม่ว่าจะเป็น แพนด้า, รองเท้าไนกี้, น้องหมา Pompompurin, จานบิน UFO แม้แต่ หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น ท่านสามารถรับชมและเก็บภาพได้ตามอัธยาศัย
เดินทางสู่ ย่านโอไดบะ (Odaiba) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) คือเกาะที่สร้างขึ้นไว้เป็นแหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งบันเทิงต่างๆ ในอ่าวโตเกียว ได้รับการปรับปรุงให้มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในช่วงหลังของปี 1990 นอกจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามตั้งอยู่มากมายแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่สีเขียว ไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว พลาซ่า (Diver City Tokyo Plaza) เป็นห้างดังอีกห้างหนึ่ง ที่อยู่บนเกาะ โอไดบะ จุดเด่นของห้างนี้ก็คือ หุ่นยนต์กันดั้ม ขนาดเท่าของจริง ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ในบริเวณห้าง อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองนาริตะ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
เย็น รับประทานอาหารเย็นอิสระตามอัธยาศัย
ที่พัก NARITA GATEWAY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่หก เมืองนาริตะ – วัดนาริตะซัน – ห้างสรรพสินค้าอิออน – ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ –
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (9)ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
นำท่านสู่ วัดนาริตะซัน (Naritasan Shinshoji Temple) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ ที่วัดแห่งนี้มีรูปเคารพขององค์ฟุโดเมียวโอ ที่มีชื่อเรียกขานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า "นาริตะฟุโด" ประดิษฐานเป็นองค์พระประธาน ถือเป็นหนึ่งในศาสนสถานสำคัญที่เป็นศูนย์กลางความศรัทธาต่อองค์ฟุโดเมียวโอ ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้ขอพรเรื่องการงาน การเดินทางปลอดภัย และโชคลาภ บริเวณถนนเข้าสู่วัด เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อว่า โอโมเตะซังโดะ นาริตะ (Naritasan Omotesando) หรือ ถนนปลาไหล ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จาสถานีรถไฟ เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านจำหน่ายสินค้างานฝีมือดั้งเดิม ร้านอาหาร และร้านของที่ระลึก และที่ถนนแห่งนี้จะมีร้านขายข้าวหน้าปลาไหลขึ้นชื่อ และมีการแร่ปลาโชว์สดๆ หน้าร้านอีกด้วย ซึ่งเปิดบริการให้แก่นักท่องเที่ยวมานานหลายศตวรรษ
นำท่านเดินทางสู่ ห้างสรรพสินค้าอิออนช้อปปิ้ง (AEON) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที) ศูนย์รวมร้านค้าและสินค้าต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมืองนาริตะ ท่านจะได้เพลินกับการเลือกซื้อสินค้าราคา 100 เยน จากร้าน 100 เยน หรือ สนุกกับโซนเกมส์เซ็นเตอร์ ที่มีเครื่องเล่นอย่างมากมาย ร้านเสื้อผ้าที่มักมีโปรโมชั่นลดราคา ร้านหนังสือร้านอาหารที่มีเมนูให้ท่านได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น อาหารจีน ตะวันตก หรือแม้แต่ อาหารไทย ก็ยังมี รวมไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตของที่นี่ ที่รวมสินค้าทุกประเภท อาหารสด อาหารสำเร็จรูป ของใช้ในครัวเรือน และ ผลไม้ที่มีอยู่ตามฤดูกาล
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันอิสระตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที)
17.30 น. เหิรฟ้าสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดย สายการบินไทย
(THAI AIRWAYS) เที่ยวบินที่ TG677 (บริการอาหารร้อน พร้อมเครื่องดื่ม บนเครื่อง)
22.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมกับความประทับใจเต็มเปี่ยม